ที่เที่ยวทั่วไทย สวยเหมือนได้ไปเมืองนอก

ที่เที่ยวทั่วไทย สวยเหมือนได้ไปเมืองนอก… วันนี้อิลิท ฮอลิเดย์ขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง­ไทยที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้บินไกลไปเที่ยวเมืองนอก ซึ่งแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวนั้นงดงามและมีหลากหลายจึงอยากให้ลอ­งไปสัมผัส บรรยากาศ ธรรมชาติ ไลฟ์สไตลล์ที่จะทำให้เราหลงรักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และจะมีที่ไหนที่น่าสนใจต้องตามไปชมกัน....

1. Coro Field ราชบุรี Lifestyle Farming สไตล์ญี่ปุ่น หากพูดถึงจังหวัดราชบุรี ก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่รายล้อมท่ามกลางขุนเขาแ­ละอากาศเย็นสบาย รวมถึง Coro Fieldสถานที่ท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์เชิงเกษตรรูปแบบใหม่สไตล์ญี่ปุ­่น ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องผลไม้หวานฉ่ำ อย่าง เมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่นำมาพัฒนาปลูกในฟาร์ม Coro Field จนมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ บวกกับแนวคิดที่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบการเกษตรให้เป็น Lifestyle Farming จึงเหมาะแก่วัยรุ่น รุ่นใหม่ๆที่ชื่นชอบทางด้านปลูกพืชพันธุ์สวนธรรมชาติ และยังอยากให้ลองมาสูดอากาศอันบริสุทธิ์ รวมไปถึงการทำกิจกรรมสนุกๆที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิ­ตโดยที่ไม่ต้องเดินทางไปที่ไหนไกล

2. เขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี  กุ้ยหลินแห่งเมืองไทย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสกลักษณะเป็นภูเขาหินปูน ยอดแหลม แนวหน้าผาสูงชัน กลางสายน้ำของเขื่อนเชียวหลานบรรยากาศสวยงามจนได้รับสมญานามว่า­­ "กุ้ยหลินเมืองไทย" พักผ่อนแบบพักแพ ซึ่งได้เหมือนปลีกวิเวกของจริง สไตล์มัลดีฟส์ และยิ่งช่วงปลายฝนต้นหนาวอากาศที่เขาสกจะดีมากๆ มักแก่การมาเที่ยวชม

3. คลองสังเน่ห์  อ.ตะกั่วป่า พังงา ล่องเรือใน Little Amazonเป็นคลองสายสั้นๆ ที่มีต้นน้ำมาจาก เขาบางเต่าก่อนจะไปสิ้นสุดที่แม่น้ำตะกั่วป่า ที่นี่เป็นผืนป่าเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ พืชพรรณแปลกๆที่ขึ้นอยู่ตามริมฝั่งคลองสังเน่ห์ และด้วยเสน่ห์น่าหลงใหลของผืนน้ำแห่งนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาสัมผัสผืนป่าแห่งนี้จึงตั้งฉายา ว่าเป็น Little Amazon ซึ่งก็การมาที่นี่ก็คือ การล่องเรือชมความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่คลองสังเน่ห์ฃ

4. เกาะหลีเป๊ะ สตูล  พักผ่อนมัลดีฟส์เมืองไทย เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เป็นเกาะในฝันที่ไม่ว่าใครก็อยากที่จะไปล้มตัวลงนอนบนหาดทรายที­่ขาวละเอียดดุจผงแป้ง พร้อมกับฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง เมื่อมองไปที่น้ำทะเลก็ใสราวกับกระจก ที่สะท้อนภาพความสวยงามของโลกใต้น้ำ ก็มำให้รู้สึกเหมือนกับได้บินไปพักผ่อนถึงมัลดีฟส์เลยทีเดียว

5. หมู่บ้านรักไทย  แม่ฮ่องสอน ไร่ชาขั้นบันได สัมผัสชีวิตแบบจีนยูนนาน บ้านรักไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อในเรื่องของชาและขาหมู่หมั่นโถว คล้ายกับดอยแม่สลอง (กองพลเดียวกัน) นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่แห่งนี้เพื่อดื่มด่ำกับการชิมชา และ ทานขาหมูหมั่นโถว บ้างก็หลีกหนี ความวุ่นวายมาหาความเงียบสบาย ของบ้านรักไทยแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีไร้ชาขั้นบันได ที่ทำให้ได้สัมผัสชีวิตแบบจีนยูนนาน ราวกับได้ไปเที่ยวเมืองจีนอย่างไงอย่างงั้น

6. เดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์  อาลีซานเมืองไทย “อ่างกา” แอ่งน้ำขนาดสิบกว่าไร่ อยู่บริเวณยอดดอยอินทนนท์ มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี ที่มาของชื่อ “อ่างกา” มีอยู่ประมาณ 3 ที่มา เช่นมีหินคล้ายรูปกาอยู่บริเวณนี้, ในสมัยก่อนเคยมีอีกามาเล่นน้ำบริเวณแอ่งน้ำ, และความหมายสุดท้าย เพี้ยนมาจากภาษาชาวเขา “อั่งกา” ที่แปลว่าภูเขาใหญ่ ระบบนิเวศน์ของอ่างกาเป็นระบบนิเวศน์ที่ไม่เหมือนที่ไหน เนื่องจากอยู่บนที่สูงกว่า 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี มีหมอกปกคลุมตลอด อุณหภูมิเฉลี่ย 12 องศา มีความชื้นสูง พืชที่อยู่ในบริเวณนี้ก็จะมีพืชที่หาชมได้ยาก อย่างเช่น ข้าวตอกฤาษี กุหลาบพันปี บนต้นไม้ใหญ่จะถูกปกคลุมไปด้วยมอส เฟิร์น จนแทบหาที่ว่างตามกิ่งไม้ไม่ได้ และเมื่อได้มาสัมผัสที่แห่งนี้ก็ทำให้รู้สึกเหมือนได้ยืนอยู่บน­อุทยานแห่งชาติอาลีซาน ไต้หวันเลยทีเดียว

7. สามพันโบก อุบลราชธานี มหัศจรรย์แกรนด์แคนยอนเมืองไทย สามพันโบก เป็นแก่งหินใต้ลำน้ำโขง เขตบริเวณบ้านโป่งเป้า ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี สามพันโบกคือความงดงามใต้น้ำ ที่จะปรากฏให้เห็นความงดงามแค่เพียงในยามน้ำแล้งเท่านั้น เนื่องจากในช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินดังกล่าวจะจมอยู่ใต้บาดาล ความสวยงามวิจิตรของหินที่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเว้าแหว่ง มองเห็นเป็นภาพศิลปะ มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป ใหญ่บ้างเล็กบ้าง บ้างเป็นรูปวงรี รูปดาว รูปวงกลม และรูปอื่นๆ อีกมากมาย ตามแต่ที่เราจะจินตนาการจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง หรือ 3 พันโบก?เพราะมีมากกว่า 3,000 แอ่ง ที่นี่จึงได้ฉายาว่า “แกรนแคนยอนเมืองไทย”

8. บ้านป่าบงเปียง เชียงใหม่ นาขั้นบันไดที่สวยไม่แพ้ซาปา บ้านป่าบงเปียง หมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งแฝงไปด้วยเสน่ห์ ณ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ บ้านป่าบงเปียง เป็นหนึ่งที่เที่ยวหน้าหนาว ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและบรรดาช่างภาพที่ชอบเก็บภา­พความอุดมสมบูรณ์ของภูเขาและป่าไม้ ซึ่งที่หมู่บ้านนี้รายล้อมไปด้วยนาขั้นบันได ต้นข้าวโพด สีเขียวผสานกับสีขาวขุ่นของหมอกยามเช้า ทำให่บรรยากศที่แห่งนี้งดงามและเต็มไปด้วยทัศนียภาพที่หาชมที่ไ­หนไม่ได้บนโลกใบนี้

9. วัดจุฬาภรณ์วนาราม นครนายก ชมซุ้มป่าไผ่แห่งอาราชิยาม่าเมืองไทย ซุ้มป่าไผ่ ที่เที่ยวอันซีนแห่งหนึ่งของเมืองไทย เหมือนได้ไปเที่ยวป่าไผ่อาราชิยาม่า ในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในวัดจุฬาภรณ์วนาราม วัดที่เงียบสงบ ทางเข้าวัดเป็นอุโมงค์ต้นไผ่ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โน้มตัวเข้าหากัน ทอดตัวเป็นแนวยาวหลายเมตร

10. สระมรกต คลองท่อม จังหวัดกระบี่ จิ่วจ้ายโกวเมืองไทย หากพูดถึง “ จิ่วจ้ายโกว” พื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน ประเทศจีน หลายท่านคงนึกถึงความสวยงามของน้ำตกหลายระดับชั้นและทะเลสาบน้ำ­ใส แต่ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองจีน บ้านเราก็มี สระมรกต คลองท่อม จังหวัดกระบี่ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “จิ่วจ้ายโกว” เมืองไทย สาเหตุเป็นเพราะความงดงามของธารน้ำใส มีผืนป่าขนาดใหญ่โอบล้อม ที่สำคัญบริเวณต้นกำเนิดของตัวสระมรกต ยังเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามและมีน้ำไหลตลอดทั้งปี จึงไม่ควรพลาดไปเที่ยวชมสักครั้งในชีวิต

11. ทุ่งแสลงหลวง ชมวิวผืนป่าแห่งสะวันนาเมืองไทย นอกจากจะเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน เป็นต้นน้ำลำธารหลายสายที่ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกต่างๆ บนเส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก เช่น น้ำตกแก่งโสภา, น้ำตกวังนกแอ่น ส่วนพื้นที่ทางด้านตะวันออกและตอนกลางของอุทยานฯ ในเขตอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นบริเวณป่าสนและทุ่งหญ้าสะวันนา ได้แก่ ทุ่งแสลงหลวง ทุ่งพญา ทุ่งโนนสน ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปเดินป่าและกางเต็นท์พักแรม

 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-661-9399 หรือ Line: @Eliteholiday

Visitors: 668,048